วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สคบ.ดันเครือข่ายประชาชนเน้นคุ้มครองตัวเอง

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2011 เวลา 09:34 น.

นิโรธ เจริญประกอบนิโรธ เจริญประกอบสคบ.สานต่อแผนเชิงรุก เร่งผลักดันเครือข่ายประชาชน ขานรับแผนแม่บทคุ้มครองผู้บริโภค ปี 2555-2558 ยันสิ้นปีตั้งคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ตั้งเป้าลดงานดูแลผู้บริโภคลดลง 50% 
 นายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" เพื่อเป็นการผลักดันให้ภาคประชาชนให้มีบทบาทในการคุ้มครองตัวเองมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการคุ้มครองผู้บริโภคในปี 2555-2558 และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ทาง สคบ.ต้องการเป็นองค์กรกลางในการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างทั่วถึง เป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับผู้บริโภคอย่างยั่งยืน  ทางสคบ.ได้เร่งผลักดันให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศแต่งตั้งได้ภายในสิ้นปีนี้ 
 "งานหลักของสคบ.ในปัจจุบันมีงานหลักอยู่ 2 ด้าน ประกอบด้วยการดูแล ตรวจสอบ และดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับผู้ประกอบการที่กระทำผิดหรือเอาเปรียบผู้บริโภค และงานในด้านการให้ความรู้กับภาคประชาชน ซึ่งสคบ.ยังติดขัดในเรื่องของงบประมาณกับบุคลากรหากคณะกรรมการชุดดังกล่าวสามารถทำงานได้เต็มรูปแบบแล้วจะสามารถลดงานในด้านการดูแลภาคประชาชนแทนสคบ. ได้ลดลงถึง 50% นอกจากนี้เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าวทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ สคบ.ได้มีการยื่นเสนอขอปรับงบประมาณจากภาครัฐจาก 3 บาทต่อ 1 หัวประชากร เพิ่มเป็น 5 บาทต่อหัวประชากร เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างทั่วถึงและประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว"
 ทั้งนี้การที่ สคบ.เร่งผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคขึ้นนั้น เนื่องจากองค์การดังกล่าวเป็นองค์การอิสระที่ทำงานโดยภาคประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อกฎหมายข้อบังคับต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐบาลที่ออกมาเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น สคบ. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) รวมถึงมีอำนาจในการติดตามหน่วยงานราชการว่าทำงานตามหน้าที่อย่างแท้จริงหรือไม่ด้วย 
 ส่วนในกรณีการให้อำนาจกับคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ในการที่จะสามารถฟ้องร้องคดีที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมได้เองนั้น ซึ่งเบื้องต้นได้มีการพิจารณาว่า ในการฟ้องร้องควรให้ทางอัยการสูงสุดเป็นผู้รับเรื่องเพื่อดำเนินการต่อไป แต่เนื่องจากมีข้อท้วงติงว่า หากการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นเป็นกรณีที่เกิดขึ้นกับรัฐวิสาหกิจ จะทำให้การทำงานของอัยการสูงสุดลำบาก ดังนั้นล่าสุดทางวุฒิสภา ได้ให้ความเห็นชอบว่าคณะกรรมการองค์การอิสระสามารถดำเนินการฟ้องร้องคดีได้เอง แต่ต้องเป็นคดีที่กระทบกับผู้บริโภคโดยรวม
 นอกจากนี้ล่าสุดทางสคบ. ได้เดินหน้าระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในการร่างแผนแม่บทคุ้มครองผู้บริโภค (2555-2558) เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อนำความคิดเห็นที่ได้เข้าไปหารือและประชุมภายใน สคบ.อีกครั้ง โดยแผนแม่บทใหม่นี้จะเน้นการบังคับใช้กฎหมายที่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง และใช้นโยบายเชิงรุกในการดำเนินการ รวมถึงเร่งผลักดันให้มีการจัดตั้งเครือข่ายประชาชนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของภาคประชาชน ชมรม สถานศึกษา คุณภาพการให้บริการกับประชาชน ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศใช้แผนแม่บทนี้ได้ในเดือนกันยายน 2554 นี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,635   15-18  พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วันพุธที่ 11 พ.ค.54 เวลา 08.30 น.  นิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานเปิดโครงการประชุมสัมมนา เรื่อง "การรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) แผนแม่บทการคุ้มครองผู้บริโภค (พ.ศ.2555-2558) ของ สคบ." ซึ่งจัดให้แก่อธิบดี ปลัดกระทรวง ข้าราชการระดับชำนาญการพิเศษ เครือข่ายภาคประชาชน ประธานสมาคม และประธานมูลนิธิหลายแห่งของภาคเอกชน ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น