บริจาคยา เช่น น้ำเกลือ ยาแก้อักเสบ แก้คัน ยากันยุง แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต้องการในพื้นที่คลองหลอดจำนวนมาก สนใจจะบริจาคเป็นตัวยา หรือสมทบทุนในการซื้อ ได้ที 031-0-03432-9 ธ.กรุงไทย สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชื่อสมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมอิสรชน หรือโทร 086-6870902 ขอบคุณค่ะ
วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555
วันที่ 29 - 30 มีนาคม 2555 ณ. ข้างทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร
คนไร้สัญชาติ กลุ่มชาติพันธ์และชนเผ่าพื้นเมือง
เพื่อผลักดันนโยบาย
" เขตสังคมวัฒนธรรมพิเศษของกลุ่มชาติพันธ์และชนเผ่าพื้นเมือง
ก่อนเปิดเสรีอาเซียน
วันที่ 29 - 30 มีนาคม 2555 ณ. ข้างทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร
วันที่ 29 มีนาคม 2555
เช้าตรู่ พร้อมกันตามพื้นที่นัดหมาย
06.00 – 08.00 น. เตรียมพื้นที่รณรงค์
09.00 – 10.00 น. พิธีเซ่นไหว้บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์
10.00 – 12.00 น. เตรียมขบวนสู่ทำเนียบรัฐบาล
13.00 – 16.00 น. เวทีให้ข้อมูลสาธารณะข้างทำเนียบรัฐบาล
16.00 – 24.00 น. การแสดงทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองจากทั่วประเทศ
กะเหรี่ยง ฟ้อนดาบ / ดนตรี / เตหน่า / ซ้อตรู่ /แคน
ม้ง เต้นรำม้ง / เป่าแคน
ชาวเล ร็องแง็ง
ไทยทรงดำ รำ / ร้องเพลง
อาข่า ลาหู่ ลีซู เต้นรำ / ดนตรีพื้นบ้าน / อาข่ากระทบไม้
ลาวอพยพ หมอลำ
พลัดถิ่น มโนรา
การแสดงจากศิลปินรับเชิญ
วันที่ 30 มีนาคม 2555
07.00 – 09.00 น. เตรียมขบวนแต่งชุดประจำชนเผ่า เดินทางถึงไบเทคบางนา
10.00 – 17.00 น. เข้าร่วมเวทีวิชาการและตลาดนัดในงานสมัชชาชาติ
17.00 - เป็นต้นไป เดินทางกลับภูมิลำเนา
วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555
ตามไปดูบ่อน้ำมันแห่งใหม่ใจกลางกรุง ย่านทวีวัฒนา งานนี้ใครได้ใครเสีย
ตามไปดูบ่อน้ำมันแห่งใหม่ใจกลางกรุง ย่านทวีวัฒนา งานนี้ใครได้ใครเสีย (ชมคลิป)
| รับชมข่าว VDO
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1330356582&grpid=06&catid=01&subcatid=0100 |
ประกาศแล้ว พี่น้อง !!! รายชื่อ 99 สมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ
ประกาศแล้ว พี่น้อง !!! รายชื่อ 99 สมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ
เมื่อไม่นานมานี้ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เรื่อง รายชื่อสมาชิกสภาเกษตรกรแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๕ (๑) (๒) และ (๓)
รวมทั้งสิ้น ๙๙ คน ดังต่อไปนี้ ๑. นายกอบสิน พ่อค้า สมาชิกตามมาตรา ๕ (๑)
ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1332602732&grpid&catid=01&subcatid=0000 |
2 คนเดือนตุลา / ทิ้งหมัดเข้ามุม /สมิงสามผลัด
2 คนเดือนตุลา
ทิ้งหมัดเข้ามุม
สมิงสามผลัด
โดยเฉพาะประเด็นที่ตัดตอน ไม่ยอมพูดถึงการสลายม็อบแดง 91 ศพ บาดเจ็บอีก 2 พันคนในเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.53
นายธีรยุทธโดนไปเต็มๆ เพราะถือว่าสรุปสถานการณ์ 'ไม่ครบถ้วน'
จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม
การที่นายธีรยุทธไม่พูดถึงการต่อสู้ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย สร้างความค้างคาใจให้สังคม โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
ก็ไม่เป็นไร เป็นสิทธิของผู้วิเคราะห์ที่จะเลือกที่จะพูดในสิ่งต้องการพูด
แต่ก็มีอีกประเด็นที่นายธีรยุทธเปรียบเปรยถึงคนเสื้อแดง
ทำนองว่าเมืองไทยเวลานี้เป็นการเมืองสองขั้วอำนาจ ก๊ก'คนเลว' 'โจโฉ' จะชนะก๊ก'คนดี' 'เล่าปี่-ขงเบ้ง'
ตรงนี้แหละที่เป็นปัญหา !?
โดนวิพากษ์วิจารณ์ว่านักวิชาการเสื้อกั๊กมีทัศนคติด้านลบต่อคนเสื้อแดง
โดยเฉพาะนางธิดา โตจิราการ ประธานนปช. เขียนบทความตอบโต้นายธีรยุทธทันควัน
ระบุว่านายธีรยุทธมีแนวคิดแบบอนุรักษนิยมแท้ๆ คือโจโฉเลว เล่าปี่ดี
'ขอให้ไปอ่านสามก๊ก เสียใหม่หลายๆ รอบ หลายๆ ฉบับ จะได้รู้จักโจโฉรอบ ด้าน และรู้จักเล่าปี่รอบด้านหลายมุมมอง ไม่ใช่มอง แบบอนุรักษนิยมด้านเดียว พูดแบบคาถาของพวกอำมาตย์ คือพวกคนดี-พวกคนเลว'
นอกจากนี้ นางธิดายังตั้งคำถามกรณีที่นายธีรยุทธไม่พูดถึงเผด็จการทหาร และรัฐประหารในทางลบ
ไม่พูดถึงการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน และการลุกขึ้นสู้ของประชาชน
เป็นมุมมองของ 2 คนที่เคยรู้จักกัน
คนหนึ่งวิเคราะห์บ้านเมืองในสถานะนักวิชาการ
อีกคนออกมาตอบโต้ในฐานะผู้นำคนเสื้อแดง
เป็น 2 อดีตผู้นำนักศึกษาที่เคยร่วมอุดมการณ์ในเหตุการณ์ 14 ตุลา 16
แต่ปัจจุบันมีแนวคิดแตกต่างกันสิ้นเชิง
หน้า 6
การ Download เอกสารประกอบการบรรยายวิชาการ A TBS Public Lecture on CSR ที่ธรรมศาสตร์
จาก: Business Research Center Thammasat Business School <brc.tbs.1@gmail.com>
วันที่: 24 มีนาคม 2555, 11:13
หัวเรื่อง: การ Download เอกสารประกอบการบรรยายวิชาการ A TBS Public Lecture on CSR ที่ธรรมศาสตร์
ถึง:
เรียน ท่านผู้ร่วมงานบรรยายวิชาการและท่านที่นับถือ
ตามที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้จัดงานบรรยายวิชาการ เรื่อง A TBS Public Lecture on Corporate Social
Responsibility (CSR) ไปเมื่อวันพุธที่ 21 มีนาคม 2555 นั้น บัดนี้
คณะผู้จัดงานได้รวบรวมเอกสารประกอบการบรรยายในแต่ละหัวข้อไว้ครบถ้วนแล้ว
ซึ่งผู้สนใจสามารถ Download
เอกสารเหล่านั้นมาใช้ประกอบการศึกษาอ้างอิงได้ตามที่อยู่
http://www.tbs.tu.ac.th/th/home/news-detail.rails?sid=9&cid=1509
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
ศูนย์วิจัยธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ 10200
โทรศัพท์ 02 613 2229
โทรสาร 02 225 2109
วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555
[New post] ARCHIVE–น.พ.ชัยยุทธ กรรณสูต กับอิตัลไทยกรุ๊ป
วันที่: 23 มีนาคม 2555, 13:46
หัวเรื่อง: [New post] ARCHIVE–น.พ.ชัยยุทธ กรรณสูต กับอิตัลไทยกรุ๊ป
ถึง:
|
[New post] ARCHIVE–นพ.ชัยยุทธกับ แบร์ลิงเจียรี
จาก: "วิรัตน์ แสงทองคำ" <donotreply@wordpress.com>
วันที่: 23 มีนาคม 2555, 13:00
หัวเรื่อง: [New post] ARCHIVE–นพ.ชัยยุทธกับ แบร์ลิงเจียรี
ถึง:
|
[New post] ARCHIVE–Break the Ice หมอชัยยุทธ กับความในใจอันเจ็บปวด
จาก: "วิรัตน์ แสงทองคำ" <donotreply@wordpress.com>
วันที่: 23 มีนาคม 2555, 12:48
หัวเรื่อง: [New post] ARCHIVE–Break the Ice หมอชัยยุทธ กับความในใจอันเจ็บปวด
ถึง:
|
วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555
รางจืด
รางจืด
พร้อมจิต ศรลัมพ์
ช่วงนี้มีข่าวคราวถึงสมุนไพรที่ชื่อ "รางจืด" กันมาก ภาครัฐมีความพยายามที่จะนำศักยภาพของภูมิปัญญาไทยมาปัดฝุ่น และใช้งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาช่วยในการขับเคลื่อนสมุนไพรชนิดนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทยและมนุษยชาติ วันนี้สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะรายงานให้ท่านได้เห็นภาพของสมุนไพร "รางจืด"ชัดเจนขึ้น รางจืดมีประวัติในการใช้ล้างพิษในร่างกาย แก้อาการแพ้ผื่นคัน และโรคผิวหนัง เช่น เริม ว่ากันว่าชาวบ้านจะกินน้ำคั้นใบหรือรากรางจืดก่อนที่จะไป"แข่งพนันดื่มเหล้าทนไม่เมา" และได้ผลดี เวลารับประทานของแสลง แล้วปวดท้อง ท้องเสีย ที่เรียกว่าผิดสำแดง ก็จะใช้ใบรางจืดเช่นกัน ทั้งยามเผอิญหรือตั้งใจกินสารพิษ ก็ใช้รางจืดแก้พิษได้ มีการวิจัยในประเทศไทยมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ชัดเจน พ.ศ. 2521 นักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เป็นกลุ่มแรกที่ทดลองป้อนผงรากรางจืดให้หนูทดลองก่อนน้ำยาสตริกนินพบว่าไม่ได้ผล หนูชักและตาย แต่ถ้าผสมกับน้ำยาสตริกนินก่อนป้อน พบว่าหนูทดลองไม่เป็นอะไร แสดงว่าผงรากรางจืดสามารถดูดซับสารพิษชนิดนี้ไว้ พ.ศ. 2523 อาจารย์พาณี เตชะเสนและคณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใช้น้ำคั้นใบรางจืดป้อนหนูทดลองที่กินยาฆ่าแมลง"โฟลิดอล" พบว่าแก้พิษได้ ลดอัตราการตายลงจาก 56% เหลือเพียง 5% เท่านั้น ในขณะที่วิธีการฉีดกลับไม่ได้ผล พ.ศ. 2551 สุชาสินี คงกระพันธ์ ใช้สารสกัดแห้งใบรางจืดป้อนหนูทดลองที่ได้รับยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์แกนโนฟอสเฟตชื่อมาราไธออนพบว่าช่วยชีวิตได้ 30% พ.ศ. 2553 จิตบรรจง ตั้งปอง มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พบว่าสารประกอบในใบรางจืดช่วยป้องกันการตายของเซลล์ประสาทของหนูทดลองที่ได้รับพิษจากสารตะกั่ว จึงสามารถป้องกันสูญเสียการเรียนรู้และความจำได้อย่างมีนัยสำคัญ มีการวิจัยเรื่องใบรางจืดสามารถปกป้องตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่กำจัดสารพิษในร่างกาย เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยรักษาชีวิตของผู้ที่ได้รับสารพิษ พ.ศ. 2543 รายงานวิทยานิพนธ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าสารสกัดแห้งของน้ำใบรางจืดน่าจะมีผลลดความเป็นพิษของตับจากแอลกอฮอล์ได้ พ.ศ. 2548 พรเพ็ญ เปรมโยธิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานผลว่าสารสกัดน้ำรางจืดแสดงฤทธิ์ดังกล่าว ทั้งในหลอดทดลองและในหนูทดลอง นอกจากนี้ยังพบว่า สารสกัดน้ำใบรางจืดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระด้วย ถ้าจะใช้สมุนไพร ควรพิจารณาความเป็นพิษด้วย สำหรับใบรางจืดมีการทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันที่ป้อนหนูทดลองครั้งเดียว ทั้งขนาดปกติและขนาดสูง ไม่พบความผิดปกติใด ๆ และป้อนติดต่อกัน 28 วัน ขนาด 500 มก.ต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ไม่พบอาการผิดปกติเช่นกัน แต่อาจทำให้น้ำหนัก ตับ ไต สูงกว่ากลุ่มควบคุม ค่าชีวเคมีที่เกี่ยวกับไตสูงขึ้น และ AST สูงขึ้น จึงควรใช้อย่างระมัดระวัง และไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน สำหรับการทดลองในคน ยังมีไม่มากนัก นพ. ปัญญา อิทธิธรรม ทดลองเก็บข้อมูลการใช้สมุนไพรรางจืดในเกษตรกรซึ่งที่สัมผัสสารฆ่าแมลง ทั้งกลุ่มไม่ปลอดภัย กลุ่มเสี่ยง กลุ่มปลอดภัย โดยตรวจจากระดับเอนไซม์ในร่างกายที่เพิ่มขึ้นเมื่อได้รับสารพิษนี้ พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างกลุ่มที่กินและไม่ได้กินสารสกัดน้ำรางจืด แต่ยังสรุปไม่ได้ชัดเจนเพราะมีปัจจัยต่างของพื้นฐานร่างกายอื่น ๆ ของอาสาสมัคร เช่น ความแข็งแรง อายุเป็นต้น เดือนกุมภาพันธ์ 2551 มีข่าวเรื่องน้ำคั้นใบรางจืดช่วยชีวิตผู้ป่วยอาการหนักมากจากพิษแมงดาทะเล ซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ แสดงว่ารางจืดน่าจะมีสรรพคุณในการกำจัดพิษในร่างกายตามที่ตำรายาไทยระบุไว้ อย่างไรก็ตาม การทดลองหากลไกที่สารประกอบในใบรางจืดกำจัดพิษและทดลองในคน รวมทั้งการทดสอบพิษระยะยาวที่ให้หนูทดลองกินติดต่อกันนานกว่า 6 เดือน มีความสำคัญต่อการนำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจังและถูกต้อง ทั้งต้องให้ชัดเจนว่าสามารถแก้พิษอะไรได้บ้าง ในขนาดเท่าไร และคุณภาพของใบรางจืดควรเป็นแบบใด เพราะในพื้นที่ปลูกและกระบวนการปลูกอาจก่อให้เกิดโลหะหนักในวัตถุดิบที่เกินมาตรฐาน เช่น แคดเมียมเป็นต้น การที่กระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจและจะจัดสรรงบประมาณพุ่งเป้าให้วิจัยสมุนไพรรางจืดเป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะไม่มีเงินทำวิจัย นักวิทยาศาสตร์มีแต่สมองก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
|
ฟ้าทะลายโจร...สมุนไพรพิชิตไข้หวัด
ฟ้าทะลายโจร...สมุนไพรพิชิตไข้หวัด
ท่ามกลางกระแสของไข้หวัด 2009 ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก ทำให้กระทรวงสาธารณสุขและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยว ข้องกับสุขภาพทั้งในบ้านเราและในต่างประเทศต้องตื่นตัวกับกระแสดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งนอกจากการรักษาในแผนปัจจุบัน แล้ว สมุนไพรก็เป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความสนใจ และสมุนไพรที่โดดเด่นอยู่ในขณะนี้คือ "ฟ้าทะลายโจร" ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรไทยที่มีการใช้กันมานาน มีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ท้องร่วง เป็นยาธาตุ บำรุงกำลัง และถูก บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ. 2549 โดยมีข้อบ่งชี้ว่าสามารถบรรเทาอาการเจ็บคอ และอาการของโรคหวัด เช่น เจ็บ คอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล ซึ่งโรงพยาบาลสามารถสั่งจ่ายทดแทนหรือเสริมการรักษาร่วมกับยาแผน ปัจจุบันได้ สำหรับงานวิจัยทางคลินิกเกี่ยวกับประสิทธิผลในการรักษาหรือป้องกันอาการหวัด พบว่า การรับประทานยาเม็ด ฟ้าทะลายโจร ขนาด 200 มก./วัน ติดต่อกัน 3 เดือน สามารถป้องกันการเกิดหวัดได้ถึง 33% โดยพบอัตราการเป็นหวัด เหลือเพียง 20% เมื่อรับประทานในขนาด 3-6 ก./วัน นาน 7 วัน ทำให้อาการไข้และเจ็บคอลดลง ไม่ต่างจากการใช้ยาพารา เซตามอล มีการศึกษาการใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรร่วมกับสารสกัดโสมไซบีเรีย (Acanthopanax senticosus) ในขนาด 1200 มก./วัน ซึ่งมีสาร andrographolide (สารสำคัญในฟ้าทะลายโจร) 48-60 มก./วัน พบว่าสามารถรักษาอาการที่เกิดจากหวัด เช่น เจ็บคอ มีน้ำมูก คัดจมูก ไอ คอแห้ง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังลดอาการเหนื่อย นอนไม่หลับ ความรู้สึกไม่สบายตัว ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น และฟ้าทะลายโจรยังมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียอย่างอ่อน จึงทำให้ฟ้าทะลายโจรสามารถใช้ป้องกันและรักษาไข้หวัดทั่วไปที่ไม่อาการรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนาดที่แนะนำให้รับประทานตามที่ระบุในบัญชียาหลักแห่งชาติ คือ รับประทานวันละ 3-6 ก. แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หลัง อาหารและก่อนนอน เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ และรับประทานวันละ 1.5-3 ก. แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน เพื่อบรรเทาอาการหวัด อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาฟ้าทะลายโจรคือ ทำให้ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ และใจสั่น ข้อควรระวังในการใช้โดยการฉีดหรือใช้ขนาดสูงคือ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นคัน ลมพิษ จนถึง อาการแพ้ขั้นรุนแรงและช็อค สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจให้เกิดการแท้ง ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน (ไม่ควรเกิน 7 วัน) เพราะอาจทำให้แขนขาชาหรืออ่อนแรงได้ หากใช้ติดต่อกัน 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงระหว่างการ ใช้ยา ควรหยุดใช้และไปพบแพทย์http://www.medplant.mahidol.ac.th/document/andrographis.asp
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โทร 02-354-4327
ขมิ้นชันกับอัลไซเมอร์
ขมิ้นชันกับอัลไซเมอร์
อัลไซเมอร์เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติในเนื้อสมอง โดยจะพบลักษณะที่สำคัญสองอย่างคือกลุ่มใยประสาทที่พันกัน (Neurofibrillary tangles) และมีการสะสมของสาร beta amyloid ในสมอง ใยประสาทที่พันกันจะทำลายระบบการขนส่งสารในเซลล์ประสาท ทำให้เกิดความผิดปกติในการสื่อสารทางชีวเคมีระหว่างเซลล์ประสาทมีผลให้เซลล์ตายในเวลาต่อมา และการที่สมองมีการสะสมของสาร beta amyloid ในปริมาณมากจนมีลักษณะเหมือนคราบในสมอง เรียกว่า แอมีลอยด์ พลาก (amyloid plaques) มีผลให้ลดการสังเคราะห์สารสื่อประสาทชนิด acetylcholine ในสมองลดลง ซึ่งสารacetylcholine จะมีส่วนสำคัญในเรื่องการเรียนรู้และความจำ มีรายงานการวิจัยว่าขมิ้นชันมีสาร curcuminoids ซึ่งประกอบไปด้วยสาร curcumin 75-80%, demethoxycurcumin 15-20% และ bisdemethoxycurcumin 3-5% จากการศึกษาในสัตว์ทดลองเมื่อป้อนสาร curcuminoids ให้หนูแรทเพศผู้ ขนาด 10มก./กก. หลังจากนั้นฉีดสาร scopolamine เข้าทางช่องท้อง 2 มก./กก. เพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดความจำเสื่อม พบว่าสาร curcuminoids สามารถฟื้นฟูความทรงจำในส่วนที่ถูกทำลายด้วย scopolamine ได้ และมีการทดสอบว่าขนาดของสาร curcuminoids, bisdemethoxycurcumin, demethoxycurcumin, และ curcumin ที่สามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ acetylcholinesterase ได้ครึ่งหนึ่ง (IC50) มีค่าเท่ากับ 19.67, 16.84, 33.14 และ 67.69 ไมโครโมลาร์ ตามลำดับ ซึ่งการศึกษาโดยส่วนใหญ่กล่าวว่าสาร curcuminoids ในขมิ้นชันมีฤทธิ์ในการต้านการสร้างสาร beta amyloid ในสมอง และยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ acetyl-cholinesterase (เอนไซม์ทำลายสาร acetylcholine ) ซึ่งจะมีผลให้สาร acetylcholine ในสมองไม่ถูกทำลาย จึงคาดว่าสามารถป้องกันอาการความจำเสื่อมในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ได้ นอกจากนี้ยังมีการจดสิทธิบัตรตำรับยาจีนที่มีส่วนผสมของสาร curcumin จากเหง้าขมิ้นชัน 30-95% ใบแป๊ะก๊วยที่มีสาร flavones 2-24%และโสมอเมริกันที่มีสาร saponin 2-80% และตำรับยาจีนที่มีส่วนผสมของใบแป๊ะก๊วย 1-10 ส่วน เหง้าขมิ้นชัน 1-10 ส่วน และเหง้าของต้น Polygala tenuifolia1-10 ส่วน โดยน้ำหนัก สามารถป้องกันและรักษาโรคอัลไซเมอร์ได้ แต่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยทางคลินิกของขมิ้นชันกับโรคอัลไซเมอร์ อย่างไรก็ตามหากต้องการใช้ขมิ้นชัน ขนาดที่ปลอดภัยตามบัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2549 แนะนำให้ใช้ในการรักษาอาการจุกเสียด คือ ครั้งละ 2-4 แคปซูล (500-1,000 มก.) วันละ 4ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน ห้ามใช้ในผู้ที่มีท่อน้ำดีอุดตัน ผู้ป่วยโรคนิ่ว หญิงมีครรภ์ และหากมีอาการแพ้ เช่น ผื่นขึ้นที่ผิวหนังทำให้ผิวหนังอักเสบต้องหยุดใช้ทันที
http://www.medplant.mahidol.ac.th/document/TurmericAndAlzheimer.asp
วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555
'ขอทานใจพระ'ยังเนื้อหอม คนแห่ดูตัว-ร่วมทำบุญ
'ขอทานใจพระ'ยังเนื้อหอม คนแห่ดูตัว-ร่วมทำบุญ
"ลุงเอี่ยม" ขอทานใจบุญยังเป็นที่สนใจของสาธุชนที่ไปทำบุญวัดไร่ขิง อ.สามพราน บริจาคเงินให้เพื่อร่วมทำบุญ ขณะที่ รอง ผบช.ภ.7 พาครอบครัวแวะเยี่ยม เพราะเป็นห่วงกลัวถูกมิจฉาชีพทำร้ายเอาเงิน แต่เบาใจเพราะทางธนาคารจะส่ง จนท.มารับเงินเข้าบัญชีทุกเย็น...
จากกรณีนายเอี่ยม คัมภิรานนท์ อายุ 62 ปี ชาว ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ผู้พิการป่วยเป็นโปลิโอ แขนขาลีบ ลิ้นไก่สั้น พูดไม่ชัด ย้ายถิ่นฐานมาประกอบอาชีพขอทานอยู่ที่วัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม มากว่า 30 ปี นำเงินที่ได้รับจากผู้มีจิตศรัทธาเก็บหอมรอมริบ นำบริจาคให้กับพระในโบสถ์วัดไร่ขิง มาอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้นำเงินที่เก็บออมได้สาธุชนที่มากราบไหว้พระในโบสถ์ จำนวน 999,999.99 บาท พร้อมกับจ้างวงดนตรี ตั๊กแตน ชลดา มาแสดงฉลองในงานบริจาคด้วย สร้างความฮือฮา จนเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์และทีวี ต่างมารายงานข่าวกันอย่างคึกโครม ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดไร่ขิงพระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งวันเดียวกันนี้ทางวัดได้จัดงานประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง พระบูชาและเหรียญคณาจารย์ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2555 ที่จัดขึ้นวันที่ 17-18 มี.ค. ทำให้มีประชาชนเดินทางมาวัดไร่ขิงกันอย่างแน่นขนัด ส่วนที่บริเวณที่นายเอี่ยม คัมภิรานนท์ ขอทานใจบุญนั่งอยู่นั้น มีผู้คนห้อมล้อมเป็นพิเศษ เพื่อต้องการมาเห็นตัวจริงและให้กำลังใจ พร้อมกับร่วมมอบเงินทำบุญให้ ซึ่งในวันนี้นายเอี่ยม มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายผู้คนและไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ต่างมาขอถ่ายภาพ และบริจาคเงินใส่ในกระเป๋าเสื้อจนล้น นายเอี่ยมต้องนำถุงพลาสติกสีฟ้าใส่เงินที่ชาวบ้านให้ ซึ่งมีทั้งธนบัตรฉบับละ 20 บาท ไปจนถึงธนบัตรฉบับละ 1,000 บาทก็มี
พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 ซึ่งเดินทางกลับจากงานแต่งบุตรสาวของเพื่อน พร้อมด้วย ภรรยาและบุตรสาวที่เป็นแพทย์ ร.พ.นครชัยศรี ได้แวะเข้ามาที่วัดไร่ขิงเพื่อดูตัวนายเอี่ยม ซึ่งได้พูดคุยกับนายเอี่ยม ผ่านล่าม นายเอี่ยมแสดงอาการดีใจ เมื่อพล.ต.ต.โสภณ ถามว่าสบายดีไหม พร้อมกับบอกผ่านล่ามด้วยความเป็นห่วงว่า หลังจากที่นายเอี่ยมเป็นข่าวการบริจาคมากมายให้วัด กลัวว่านายเอี่ยมจะไม่ปลอดภัย เพราะเวลาเย็นเมื่อเลิกจากการนั่งบอกบุญแล้วนำเงินใส่ถุงมากๆกลัวว่าคนไม่หวังดีจะเข้าทำร้ายแย่งเงิน ซึ่งนายเอี่ยมได้พูดผ่านล่ามว่าไม่กลัวเพราะอายุมากแล้ว ขณะนี้พอตกเย็นก่อนกลับบ้านก็จะมีเจ้าหน้าที่การเงินของธนาคารมานับเงินตรวจสอบเอาเข้าบัญชีให้ เพราะทางธนาคารก็เป็นห่วงเช่นเดียวกัน
จากนั้นนายเอี่ยม เมื่อเห็นหมวกแก๊ป ซึ่งมีสัญญาลักษณ์หน้าหมวกตำรวจภาค 7 และปัก ปปส.ภ.7 ที่ พล.ต.ต.โสภณ สวมใส่อยู่ ได้กระซิบผ่านล่ามว่าอยากได้หมวกแก๊ปของตำรวจมาใส่ เพราะบางทีออกไปซื้อของอากาศร้อนมาก พล.ต.ต.โสภณ จึงตอบกลับไปว่าหมวก ตร.ภ.7 นั้นมีคุณค่าผู้ที่ได้รับไปนั้นจะต้องทำประโยชน์ให้กับ ตำรวจ เช่น แจ้งเบาะแส หรือช่วยในการประสานงานในด้านต่างๆให้ ตร.หรือเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ ตร.ถึงจะได้รับหมวกนี้
นายเอี่ยมได้แสดงอาการดีใจ พร้อมกับให้จัดทำโปสเตอร์เพื่อมาติดที่ด้านหลังที่นายเอี่ยมนั่งบอกบุญอยู่ ซึ่ง พล.ต.ต.โสภณ จึงได้สั่งทำโปสเตอร์ เขียนข้อความว่า "ช่วยกันทำดีเพื่อชาติ อย่าให้ลูกหลานตกเป็นทาสยาเสพติด" นำมาติดตั้งไว้พร้อมกับมอบหมวกแก๊ปของ ตร.ภ.7 ให้ไว้ นายเอี่ยมเมื่อได้รับหมวกแก๊ป รีบนำขึ้นมาสวมใส่ศรีษะทันที พร้อมกับแสดงอาการดีใจทำท่าตะเบ๊ะให้คนที่มุงดูชม เรียกเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม
พล.ต.ต.โสภณ เผยว่าในการมาเยี่ยมเยียนนายเอี่ยมครั้งนี้ เพื่อต้องการมาดูว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร และมีความห่วงใย หลังจากที่มีข่าวว่านายเอี่ยมบริจาคเงินให้กับวัด 1 ล้านบาท กลัวมิจฉาชีพจะมาดักทำร้ายปล้นจี้เอาเงิน ประกอบกับตัวลุงเอี่ยมนั้นพิการ ไม่ค่อยมีคนดูแลคนร้ายอาจจะฉกฉวยโอกาสได้ แต่ก็มาทราบว่าลุงเอี่ยมไม่ได้พกเงินทีละมากๆ และปัจจุบันธนาคารจะมารับเงินฝากจากลุงเอี่ยมถึงที่วัดเลยในตอนเย็น ก็เบาใจไปส่วนหนึ่ง ส่วนหมวกแก๊ป ตร.ภ.7 ที่มอบให้นั้น นายเอี่ยมถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ ถึงแม้ตัวจะพิการ แต่ก็สามารถช่วยเหลืองานของ ตร.ได้
"ขณะนี้ต้องยอมรับว่าลุงเอี่ยมแกดังกว่าดาราอีก ผมมานั่งสนทนาเพียงแค่ 20 นาที มีคนมาทำบุญกับลุงเอี่ยมแน่นขนัดขนาดนี้ จึงให้จัดทำป้ายขึ้นเพื่อเป็นการเตือนสติให้คนไทยทำความดีเพื่อชาติ ช่วยกันตักเตือนบุตรหลานอย่าให้เข้าไปเป็นทาสของยาเสพติด แค่เขียนข้อความก็มีคนมาอ่านนับหมื่นคนแล้ว จึงถือว่าเป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ได้" รอง ผบช.ภ.7 กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ขณะเดียวกันที่วัดไร่ขิงได้จัดงานประกวดพระเครื่องพระบูชา ซึ่งเป็นวันแรกนั้น นายอ้วน นครปฐม เซียนพระชื่อดังและเป็นคณะกรรมการจัดงาน ได้เผยว่างานครั้งนี้ที่มีผู้คนมากราบไหว้พระกันถือว่ามากผิดปกติ สาเหตุส่วนใหญ่ที่มานั้นมาดูพระ อีกส่วนหนึ่งต้องการมาดูตัวนายเอี่ยม ขอทานใจบุญ จึงทำให้งานเป็นไปอย่างคึกคักตามไปด้วย ต้องขอขอบคุณลุงเอี่ยมด้วยที่เป็นหนึ่งในการสร้างสีสันให้กับวงการพระเครื่อง
นายอำนวย โสภิณ อายุ 55 ปี บ้านอยู่ จ.ฉะเชิงเทรา เผยว่าต้องการมาทำบุญที่วัด และต้องการมาดูนายเอี่ยม เพราะอ่านจากข่าวแล้วชื่นชอบมากถึงแม้แกจะเป็นขอทาน แต่ก็ยังมีจิตใจดีงามบริจาคเงินให้วัดถึง 1 ล้าน เมื่อมาเห็นแล้วได้พูดคุยเห็นสภาพแล้วสงสาร พร้อมให้กำลังใจและควักเงินมอบให้ 100 บาท เป็นการร่วมทำบุญ เพราะนายเอี่ยมประกาศไว้ว่าในปีหน้าจะบริจาคเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้าน
เช่นเดียวกับ นายดุษดี ตามกำลัง อายุ 36 ปี บ้านอยู่ จ.นครสวรรค์ เผยว่าชื่นชอบนายเอี่ยมถึงแม้พิการยังต่อสู้ชีวิต ถึงแม้เงินที่ได้จากการขอและทำบุญ แทนที่ลุงจะได้ใช้เงินที่ได้มาอย่างสบาย กลับอดออมใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นส่วนที่เหลือเก็บไว้นำมาบริจาควัดเพื่อทดแทนบุญคุณให้ที่ซุกหัวนอน นับเป็นคนตัวอย่างน่านับถือ
ทางด้านนายพรเทพ ปัถทวี ไวยาวัจกรณ์ วัดไร่ขิง กล่าวว่า ทางวัดจะไม่ย้ายนายเอี่ยมให้ไปอยู่ที่อื่น เพราะถือว่าเป็นบุคคลตัวอย่างทำความดี ส่วนในเรื่องความปลอดภัยนั้นขณะนี้ได้สั่งให้ อปพร.ที่มาประจำอยู่วัดให้คอยดูแลอย่างดี.
โดย: ทีมข่าวภูมิภาค
17 มีนาคม 2555, 23:45 น.
ชาวบางคูวัดผวา น้ำทะลักเอ่อท่วม 30 ซม.คาดท่อประปาแตก
ชาวบางคูวัดผวา น้ำทะลักเอ่อท่วม 30 ซม.คาดท่อประปาแตก
ชาวบ้านที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในย่าน สี่แยกบางคูวัด ต.บางเดื่อ อ.เมืองปทุมธานี แจ้งว่ามีน้ำเอ่อผุดขึ้นตามท่อ และทะลักล้นท่วมอาคารพาณิชย์กว่า 40 คูหาในย่านดังกล่าวสูงถึง 30 ซม.เบื้องต้นคาดว่าเป็นท่อประปาใหญ่แตก...
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 17 มี.ค.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการแจ้งจากชาวบ้านที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในย่าน สี่แยกบางคูวัด ต.บางเดื่อ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี ว่าเกิดเหตุน้ำเอ่อขึ้นตามท่อ และท่วมสูงถึง 30 ซม.หวั่นเกรงว่าจะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกครั้ง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบริเวณดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์กว่า 40 คูหาต่างต้องแตกตื่นหนีออกจากบ้านขนข้าวของขึ้นที่สูงกันจ้าละหวั่น หลังจากที่น้ำได้เอ่อผุดขึ้นตามท่อ และทะลักล้นท่วมอาคารพาณิชย์ย่านดังกล่าวสูงถึง 30 ซม. ชาวบ้านที่พักอาศัยภายในต่างต้องหนีขึ้นที่สูง ขนข้าวของหนีน้ำกันวุ่นวาย
โดยหลังจากที่ดูสถานการณ์เชื่อว่าน่าจะเป็นน้ำ ที่มาจากท่อประปาเส้นหลักที่อยู่ใต้ดินเกิดแตกขึ้นมา จึงทำให้น้ำประปาจำนวนมากไหลทะลักออกจากท่อไหลซึมมาตามท่อระบายน้ำใต้ดิน ทางชาวบ้านแจ้งไปยังทางการประปาส่วนภูมิภาคของ จ.ปทุมธานี เพื่อให้ตรวจสอบ จากนั้นจึงมีการปิดวาวล์น้ำทำให้ ต่อมาน้ำที่ผุดออกตามท่อค่อยๆ หยุดไหล และปริมาณน้ำค่อยๆ ลดลงในที่สุด อย่างไรก็ตามยังไม่มีการประเมินความเสียหายใน ขณะนี้ เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน คงต้องรอช่วงเช้าจึงจะพากันไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
ทั้งนี้บริเวณย่านดังกล่าว เคยเป็นพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมในช่วงมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 จึงทำให้ชาวบ้านส่วนมากแตกตื่น เพราะยังผวาจากเหตุการณน้ำท่วมในครั้งนั้น
โดย: ทีมข่าวภูมิภาค
18 มีนาคม 2555, 00:45 น.