เบรก 'จตุจักร กรีน'รุกที่สวนสมเด็จฯ
คมนาคมสั่งเบรกโครงการจตุจักรกรีน รับข้อมูลการรถไฟฯแจ้งพัฒนาพื้นที่สวนสมเด็จฯผิดวัตถุประสงค์จากสวนสาธารณะกลายเป็นเชิงพาณิชย์ กทม.คนกลางอ้างทำตามมูลนิธิที่มีป๋าเปรมเป็นประธาน
ฝ่ายเอกชนผู้ลงทุนเผยควักจ่ายแล้วกว่า 55 ล้าน บวกค่าเช่ารายเดือนอีก 7 แสน ยืนยันเปิดเต็มรูปแบบ 26 พ.ค.
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้รับรายงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เกี่ยวกับการพัฒนาโครงการในย่านจตุจักรบนที่ดินของร.ฟ.ท.ว่า โครงการ "จตุจักร กรีน" ที่กำลังก่อสร้างร้านค้า ร้านอาหาร อยู่ข้างพิพิธภัณฑ์เด็กริมถนนกำแพงเพชร 3 นั้น เป็นการก่อสร้างในพื้นที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ซึ่งเป็นที่ดินของร.ฟ.ท.ที่ยกให้มูลนิธิสวนสมเด็จฯเพื่อสร้างสวนสาธารณะ ถือเป็นการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ที่ร.ฟ.ท.ต้องรีบแก้ไข จึงสั่งการให้ร.ฟ.ท.ทำหนังสือแจ้งไปยังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสวนสมเด็จฯให้ระงับการก่อสร้าง พร้อมมีหนังสือไปยังมูลนิธิสวนสมเด็จฯเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
สวนสมเด็จฯมีเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ตั้งอยู่ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร ร.ฟ.ท.ได้มอบให้มูลนิธิสวนสมเด็จฯก่อสร้างเป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2535 โครงการนี้ริเริ่มโดยคณะรัฐมนตรีในปี 2534 เปิดใช้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2539 มีพื้นที่ระยะแรก 140 ไร่ ส่วนโครงการระยะที่สองจะเพิ่มพื้นที่อีก 60 ไร่ในอนาคต
"ที่ได้รับรายงานมา โครงการจตุจักร กรีน พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นการใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ตามที่ตกลงกันไว้กับมูลนิธิสวนสมเด็จฯ แม้ว่าจะมอบให้กทม.ดูแลพื้นที่ในช่วงต่อมาแล้วก็ตาม ซึ่งจำเป็นต้องเรียกคืนพื้นที่เพื่อทำเป็นสวนสาธารณะตามที่ตกลงกันไว้ จึงแจ้งให้ยุติการก่อสร้าง"พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าว
จากการสอบถามนายไพศาล ทรัพย์รุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทรัพย์สิน ร.ฟ.ท.ได้รับคำตอบว่า ได้มีหนังสือแจ้งไปยังกทม.ให้แจ้งผู้ดำเนินโครงการจตุจักรกรีนให้ยุติการก่อสร้างโครงการแล้ว ขณะเดียวกันก็มีหนังสือไปยังมูลนิธิสวนสมเด็จฯเพื่อทราบแล้วเช่นกัน
ด้านกทม. นายอรุณ ศรีจรูญ ผู้อำนวยการตลาดนัด กองอำนวยการตลาดนัด กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวได้มีการหารือกันระหว่างผู้บริหารมูลนิธิสวนสมเด็จฯกับกทม.ว่าน่าจะมีที่จอดรถรองรับผู้มาใช้บริการสวนสมเด็จฯและตลาดนัดจตุจักร แต่เนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลพื้นที่สูง กทม.จึงขอเปลี่ยนเป็นการเช่าจากมูลนิธิสวนสมเด็จฯปีละ 6 แสนบาทเพื่อทำเป็นที่จอดรถ แต่ต่อมามีการก่อสร้างอาคารและที่จอดรถในย่านจตุจักรมากขึ้น ดังนั้นปริมาณรถในลานจอดที่กทม.ดูแลจึงลดน้อยลง ส่งผลให้รายได้ไม่พอรายจ่ายและปัจจุบันมูลนิธิสวนสมเด็จฯยอมลดค่าเช่าให้เหลือปีละ 3 แสนบาท
"กรณีปมปัญหาดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่น่าจะเจรจากันได้โดยร.ฟ.ท.ต้องแจ้งเรื่องไปยังมูลนิธิสวนสมเด็จฯโดยตรงก่อน หากมูลนิธิสวนสมเด็จฯเห็นเป็นประการใด กทม.พร้อมรับปฏิบัติตามนั้น ซึ่งกทม.เคยนำเสนอเรื่องให้ประธานมูลนิธิสวนสมเด็จฯและเลขาธิการมูลนิธิสวนสมเด็จฯทราบแล้วว่าต้องการส่งคืนพื้นที่เนื่องจากมีภาระค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนสูงมาก แต่ได้รับการทักท้วงและขอให้กทม.บริหารพื้นที่ดังกล่าวต่อไป โดยเลขาธิการมูลนิธิสวนสมเด็จฯได้หารือผู้บริหารกทม.เพื่อขอให้มีการพัฒนาพื้นที่โดยต้องการเปิดร้านอาหารและบริการอื่นๆ เพื่อรองรับผู้มาใช้บริการสวนสมเด็จฯ แต่พื้นที่ไม่มีจึงให้นำพื้นที่ดังกล่าวมาพัฒนา
โครงการจตุจักร กรีน ได้ผ่านการเห็นชอบจากผู้บริหารมูลนิธิสวนสมเด็จฯเรียบร้อยแล้วโดยต้องชำระค่าเช่าให้แก่ กทม.เดือนละ 7 แสนบาท เป็นการทำสัญญา 3 ปี เมื่อหมดสัญญาจะพิจารณาต่อสัญญาอีกครั้งละ 3 ปี" นายอรุณกล่าว
นายศักดา อู่ดาราศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮทราฟฟิค มีเดีย จำกัด ผู้บริหารโครงการจตุจักร กรีน กล่าวว่า เมื่อได้รับการคัดเลือกจากกทม.ก็ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของกองอำนวยการตลาดพร้อมกับพาเข้าหารือกับเลขาธิการมูลนิธิสวนสมเด็จฯ ในแนวคิดการพัฒนาโครงการที่ต้องสอดคล้องกับสวนสาธารณะ โดยเฉพาะเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน เกณฑ์การคัดเลือกร้านค้าที่ต้องเข้ากับธรรมชาติ ใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม โดยราคาค่าเช่าต้องยุติธรรมและผู้ค้ายอมรับได้จนทุกอย่างลงตัวพร้อมกับการเปิดจองพื้นที่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมาขณะนี้งานก่อสร้างเสร็จเกือบ 100% แล้วคงเหลือเพียงการตกแต่งร้านเท่านั้น ในเบื้องต้นจะเริ่มเปิดให้บริการในโซนฟูดคอร์ตในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ และจะเปิดเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้
"บริษัทมีความมั่นใจเพราะได้มีการหารือกับผู้บริหารกองอำนวยการตลาดของกทม.และผู้บริหารมูลนิธิสวนสมเด็จฯ เรียบร้อยแล้ว โครงการนี้ใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท เป็นงบการก่อสร้างกว่า 55 ล้านบาท โดยบริษัทมีค่าใช้จ่ายเดือนละประมาณ 5 แสนบาท จึงต้องหารายได้ในแต่ละปีให้มากกว่า 100 ล้านบาท จึงจะไม่เป็นภาระมากจนเกินไป หากการพัฒนาพื้นที่เสร็จเต็มรูปแบบแล้วจะเริ่มหารายได้จากการจัดอีเวนต์ในพื้นที่โดยเฉพาะลานกรีนแอคติวิตี้บนพื้นที่ประมาณ 400 ตารางเมตร ที่คิดค่าเช่าในวันธรรมดาประมาณ 10,000 บาท และวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดอื่นๆ 20,000 บาท เพื่อรองรับกิจกรรมเพื่อโลกสีเขียวของหน่วยงานต่างๆ คาดว่าปีที่ 4 จะคืนทุนทั้งหมด"
บริษัท ไฮทราฟฟิค มีเดียฯ ทำสัญญาเช่าที่จำนวน 21 ไร่จาก กทม.เป็นเวลา 3 ปี โดยแบ่งพื้นที่ 6 ไร่ พัฒนาเชิงพาณิชย์เป็นโซนร้านค้าย่อย ขนาด 13.69 ตร.ม. จำนวน 148 ร้าน โซนร้านอาหาร ขนาด 48.4 ตร.ม. จำนวน 24 ร้าน และโซนฟูดคอร์ตจำนวน 30 ล็อก พื้นที่อีก 15 ไร่ ปรับปรุงเป็นลานจอนรถ 1,200 คัน มีนโยบายเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ส่วนมูลนิธิสวนสมเด็จฯ มีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธาน คุณหญิงปราณี เอื้อชูเกียรติ เป็นเลขาธิการ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,736 3-5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น