วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

"หมอบ้าน" (29 ต.ค. 54) ฝ่าวิกฤติน้ำท่วม ช่วง "หมอบ้าน"

จาก: YouTube <noreply@youtube.com>
วันที่: 29 ตุลาคม 2554, 14:06
หัวเรื่อง: ThaiPBSSpotPromote just uploaded a video
ถึง:

YouTube Help Center | Change Email Preferences
ThaiPBSSpotPromote just uploaded a video:
ฝ่าวิกฤติน้ำท่วม ช่วง "หมอบ้าน" ออกอากาศทางสถานี Thai PBS วันที่ 29 ต.ค. 54 เวลา 11.00 น. More
You can unsubscribe from notifications for this user by visiting My Subscriptions.
© 2011 YouTube, LLC
901 Cherry Ave, San Bruno, CA 94066




วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Come join me at “Art for Help เครือข่ายศิลปะกู้เมืองจมน้ำ” on PORTFOLIOS*NET



จาก: PORTFOLIOS*NET <events@portfolios.net>
วันที่: 20 ตุลาคม 2554, 4:55
หัวเรื่อง: Come join me at "Art for Help เครือข่ายศิลปะกู้เมืองจมน้ำ" on PORTFOLIOS*NET
ถึง:

Thailand's Creative Art & Design Community
PORTFOLIOS*NET
PORTFOLIOS*NET has invited you to the event '"Art for Help เครือข่ายศิลปะกู้เมืองจมน้ำ"' on PORTFOLIOS*NET!
 
"Art for Help เครือข่ายศิลปะกู้เมืองจมน้ำ" ขอชวนศิลปิน นักออกแบบ นักสร้างสรรค์ ออกบูทจำหน่ายผลงาน เพื่อระดมทุนช่วยผู้ประสบภัย 22 ต.ค. นี้

รายละเอียด: www.portfolios.net/events/art-for-help

Time: October 22, 2011 from 10am to 9pm
Location: Bangkok Art and Culture Centre
Organized By:

Event Description:

"Art for Help เครือข่ายศิลปะกู้เมืองจมน้ำ"

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับเครือข่ายศิลปิน นักออกแบบ และประชาชน ร่วมจัดงาน "Art for Help เครือข่ายศิลปะกู้เมืองจมน้ำ" ในวันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2554 เวลา 10.00 – 21.00 ณ โถงบริเวณชั้น 1 และ 2 หอศิลปวัฒธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อหารายได้เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

ภายในงานพบกับกิจกรรมการแสดงดนตรีจาก ศิลปิน โรส ศิรินทิพย์, เจี๊ยบ วรรธนา, Lemon Soup, จุ๋ย จุ๋ยส์ , โมโนโทน, ติ๋วเดย์ , 4 Min Museum และ การอ่านบทกวี จาก ตุล อพาร์ตคุณป้า การแสดงผลงานภาพถ่ายจากศิลปิน อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่จะนำมาจัดแสดงในงานครั้งนี้ กิจกรรม เสวนา บรรยาย และ Workshop พร้อมการสาธิต เช่น การทำเสื้อชูชีพอย่างง่ายภายใน 10 นาที จากกลุ่ม (Design for Disasters) และ Workshop "Art therapy" โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ จาก สภาคณะบดีศิลปะแห่งประเทศไทย นิทรรศการข้อมูลสิ่งแวดล้อมจากกลุ่ม Big Trees

นอกจากนี้ มีการออกร้านจำหน่ายผลงานศิลปะ เสื้อยืด และหนังสือในราคาพิเศษสุดลดพิเศษ จาก OOM, Happaning,Fullstop ,Openbooks และอีกมากมายจากหลายสำนักพิมพ์ที่พร้อมใจการมาร่วมทำบุญกันในงานครั้งนี้

แล้วพบกัน อย่าพลาด !! กับงานดีๆ แบบนี้ที่คุณจะได้มีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

----------------------------------------------------------------------------------------------------------
  สนใจร่วมออกร้านจำหน่ายผลงานศิลปะ หรือผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผู้ประกอบการ นักออกแบบ ท่านใดสนใจร่วมออกร้านระดมทุน โปรดระบุรายละเอียดส่งไปที่ art4help@gmail.com สายตรง 081-9050723 (ฟ้า)
 
ชื่อ-สกุล / Name-Surname : ...
ชื่อร้าน / Shop Name: ...
Mobile Phone : ...
E-mail : ...
Website: ... (ถ้ามี)
ประเภทของสินค้า : ... 
 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------


See more details and RSVP on PORTFOLIOS*NET:
http://www.portfolios.net/events/event/show?id=2988839%3AEvent%3A2165563&xgi=3dkJucUkMvHfBV&xg_source=msg_invite_event
About PORTFOLIOS*NET
Architecture Art Design Film Music & Photography Community. Where creative talents can share their works, knowledge & experience. News/Jobs
PORTFOLIOS*NET 17436 members
365239 photos
3553 songs
3609 videos
5106 discussions
1526 Events
2500 blog posts
 
To control which emails you receive on PORTFOLIOS*NET, click here

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วมในประเทศไทยได้แล้ววันนี้!

จาก: OpenSource2Day <phanupon.p@gmail.com>
วันที่: 12 ตุลาคม 2554, 11:04
หัวเรื่อง: ตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วมในประเทศไทยได้แล้ววันนี้!
ถึง: phanupon.p@gmail.com


ท่านใดสนใจตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วม สามารถตรวจสอบได้แล้ววันนี้
ซึ่งในแผนที่จะแจ้งพื้นที่น้ำท่วมได้อย่างละเอียด แจ้งระดับน้ำ
เส้นทางการเดินรถที่สามารถผ่านได้และไม่สามารถผ่านได้
ข้อมูลน้ำท่วมจากสำนักงานเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
ข้อมูลเส้นทางจากกระทรวงคมนาคม สามารถตรวจสอบได้ที่
http://203.150.230.27/FloodMap/index.html
หรือเข้ามาดูภาพข่าวข้อมูลน้ำท่วมในปัจุบันได้ที่
http://www.opensource2day.com

ประเทศไทยอยู่ตรงไหน นอกจากน้ำท่วมแล้วเราต้องระวังอะไรอีก ... แผ่นดินไหว?

นอกจากน้ำท่วมแล้วเราต้องระวังอะไรอีก ... แผ่นดินไหว?

ประเทศไทยค่อนข้างปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ ไม่มีพายุไต้ฝุ่นอย่างจัง ภูเขาไฟระเบิด หรือแผ่นดินไหวใหญ่อย่างที่หลายประเทศประสบกัน ซึ่งบางครั้งทำให้เราคิดไปเองว่าที่ตั้งของเรานั้นมีความพิเศษที่จะแคล้วคลาดจากภัยธรรมชาติทั้งปวง อย่าลืมว่าประเทศไทยก็อยู่บนเปลือกโลกบางๆ เช่นเดียวกับทุกประเทศในโลก หากอุปมาให้โลกมีขนาดเท่าลูกฟุตบอล เปลือกโลกแข็งๆ ที่เราท่านยืนอยู่จะมีความหนาเพียง 1.5 มิลลิเมตรเท่านั้น ใต้เราลงไปคือหินหนืดที่เลื่อนที่ได้ตลอด แม้จะเคลื่อนไปอย่างช้าๆ แต่ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง

จากแผนที่แสดงการเกิดแผ่นดินไหวในรอบ 8-30 วันที่ผ่านมาของ US Geological Survey จะเห็นว่าแผ่นดินไหวระดับความแรงต่างๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอเป็นธรรมดา โดยเกิดมากแถบใกล้รอยต่อของเปลือกโลกที่แสดงไว้โดยเส้นสีขาว จะเห็นว่าทางตะวันตกของไทยไปทางพม่าก็มีรอยแยกนี้อยู่อันหนึ่ง ทำให้มีแผ่นดินไหวให้เราได้ยินข่าวอยู่เรื่อยๆ จำนวนแผ่นดินไหวและความรุนแรงมีการกระจายเป็นแบบ power law คือ ยิ่งความแรงมากก็จะมีความถี่น้อย เช่น จะมีแผ่นดินไหวระดับ 7 แมกนิจูดครั้งหนึ่งโดยเฉลี่ยทุกๆ 1000 ครั้งที่มีการเกิดแผ่นดินไหวระดับ 5 แมกนิจูด ฯลฯ ซึ่งแสดงว่าไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องมีแผ่นดินไหวที่ใหญ่พอสมควรเกิดในบ้านเรา แม้จะไม่ใหญ่ระดับที่เกิดที่ญี่ปุ่นบ่อยครั้ง แต่หากเราไม่เตรียมพร้อมรับมือก็ทำให้เกิดความสูญเสียขึ้นได้ 

นี่ไม่ใช่ความผิดของธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นอย่างนี้ของมันมาแต่ไหนแต่ไรก่อนที่มนุษย์จะถือกำเนิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องของบุญกรรม ไม่ใช่ฟ้าดินลงโทษ ไม่ใช่ธรรมชาติเอาคืน แต่เป็น "ธรรมชาติ" ทางเดียวที่คุณภาพชีวิตของคนไทยจะดีขึ้น คือเราต้องศึกษาให้เข้าใจธรรมชาติและปรับตัวเข้ามามัน

ในหมู่นักเดินป่า ปีนเขา ผจญภัยมีคำกล่าวว่า "สภาพอากาศแย่น่ะไม่มีหรอก มีแต่คุณเตรียมเสื้อผ้ามาไม่ดี" ถ้าเราเตรียมการพร้อมและคิดล่วงหน้าสำหรับความเป็นไปได้ต่างๆ อย่างเป็นระบบ ความสูญเสียก็จะไม่เกิด ดังที่ได้กล่าวไปเมื่อวันก่อน - อย่าหยุดคิดเรื่องน้ำท่วมเมื่อน้ำลด อย่าหยุดคิดเรื่องน้ำแล้งเมื่อฝนตก - และอย่าลืมเรื่องแผ่นดินไหวแม้มันยังไม่เกิด
 ประเทศไทยอยู่ตรงไหน สถิติแผ่นดินไหวในรอบ 8-30 วันที่ผ่านมาของ US Geological Survey: http://neic.usgs.gov/neis/qed
neic.usgs.gov
USGS Earthquake Hazards Program, responsible for monitoring, reporting, and researching earthquakes and earthquake hazards

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สักวันความเจ็บปวดนี้อาจจะมีประโยชน์สำหรับพวกเราทุกคน*

 

สักวันความเจ็บปวดนี้อาจจะมีประโยชน์สำหรับพวกเราทุกคน*

หมายเหตุ:  บทความนี้เขียนขึ้นโดยผู้เขียนมีส่วนได้ส่วนเสียกับเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา และน่าจะประกอบสร้างไปด้วยโลภะ โทสะและโมหะ จึงเหมาะสำหรับประชาชนธรรมดาผู้มีสติ ส่วนผู้รักสันติและมีวิจารณญาณสูงส่งไม่ควรอ่านด้วยประการทั้งปวง


ภายหลังการเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยบนท้องถนนใจกลางเมืองเทวดา ตั้งแต่เมษายน – พฤษภาคม 2553 ประเทศไทยดูเหมือนจะกลับเข้าสู่ภาวะปรกติอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความประหลาดใจของชาวต่างชาติว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันหรือ ประชาชนตายจำนวนมากทำไมไม่มีการตรวจสอบหาผู้กระทำความผิด สื่อต่างชาติบางสำนักถึงกับประณามว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประเทศไทย เป็นเพราะคนไทยไม่เคยแยแสถ้าหากว่าเหตุการณ์ความรุนแรงนั้นไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ครอบครัวหรือคนใกล้เคียง ในฐานะครอบครัวผู้สูญเสียผมคิดว่ามันน่าจะใกล้เคียง เพราะหากลูกชายคนเดียวของครอบครัวไม่เสียชีวิตผมก็สงสัยอยู่ว่าผมจะออกมา "อินเตอร์แอ็คทีฟ" ได้ขนาดนี้เชียวหรือ

แน่นอนว่าท่ามกลางความประหลาดใจ ย่อมเจือปนไปด้วยความเจ็บปวดเป็นระยะๆ ของครอบครัวผู้สูญเสีย ทั้งด้วยความไม่เจตนาหรือด้วยความต้องการแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งของคนรอบข้าง โดยลืมหรืออาจตั้งใจที่จะละเลยสิ่งที่เรียกว่า "กาละเทศะ" ผมจะลองลำดับเพียงบางเรื่องมาสู่กันฟังเผื่อว่าสักวันความเจ็บปวดนี้จะมีประโยชน์สำหรับพวกเราทุกคนอยู่บ้าง

ความเจ็บปวดครั้งแรกๆ ของครอบครัวเราเกิดขึ้นเมื่อญาติสนิทมิตรสหายทราบข่าวการเสียชีวิตของ "เฌอ" แน่นอนว่าส่วนหนึ่งยังนิยมใช้โทรศัพท์แสดงความเสียใจเพราะไม่ต้องลงทุนมากมายนัก อีกทั้งโทรศัพท์บ้านเรายังไปไม่ถึงขั้น "มองหน้าสบตา" ในระหว่างที่สนทนากัน ทำให้การใช้โทรศัพท์มักจะเป็น "ทางออกที่ดี" รูปแบบหนึ่ง

กรณีหนึ่งผมได้รับสายจากคนที่ผมเคยนับเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ทราบเรื่องจากการบอกต่อของกลุ่มเพื่อนว่าผมเสียลูกชายในเหตุการณ์ความรุนแรงที่รัฐบาลกระทำต่อประชาชน คำแรกที่เธอพูดออกมาคือ "เฮ้ย..เสียใจด้วยนะ แต่ฉันอยู่ฝ่ายรัฐบาลว่ะ" ก่อนจะสอบถามรายละเอียดเหมือนคนทั่วๆ ไป และบอกว่าจะมางานศพในวันไหน หลังจากนั้นก็แสดงความคิดเห็นทางการเมืองในฝักฝ่ายที่ตัวเองนิยม ก่อนจะร่ำลาและวางหูไปเมื่อเสร็จธุระของตัว ทิ้งให้ผมงงงวยโดยไม่มีโอกาสได้ชี้แจงใดๆ อยู่เพียงลำพังว่า "ลูกกูตายแล้วเกี่ยวอะไรกับการอยู่ฝ่ายไหนของมันวะ" ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยก็ได้ฝึกฝน "การฟัง" ของตัวเองแหละน่า เรื่องนี้จบลงที่วันฌาปนกิจเธอโทรมาให้เหตุผลที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เพราะตอนนี้ "เกิดเหตุจลาจลเผาบ้านเผาเมืองไปทั่วแล้วเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย" ผมรับฟังอย่างเงียบๆ ก่อนวางสายหันไปสนทนากับเพื่อนและครอบครัวที่บินตรงมาจากยะลา รวมทั้งพี่ที่เคยร่วมงานกันที่ตรงมาจากเชียงรายถึงพร้อมกันในวันสุดท้ายของเฌอบนดาวแห่งความโหดร้ายดวงนี้

อีกสองสามครั้ง เมื่อคุณแม่น้องเฌอเดินทางไปรับเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ "คำพูดและท่าที" ที่ไม่ระมัดระวังและแสดงความรังเกียจครอบครัวผู้สูญเสียของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในบางหน่วยงาน ที่ภรรยามาถ่ายทอดให้ผมฟังอีกครั้งนั้นก็แสดงถึงความไม่รู้เท่าการณ์ และแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่จิตใต้สำนึกที่ผลักดันการแสดงออกเช่นนี้ออกมาอย่างไม่สามารถปิดไว้ได้แม้จะมีความพยายามเช่นใด

เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันที่ผมมีโอกาสประสบพบเห็นโดยตรง และสามารถนำมาเล่าในเชิงรายละเอียดได้ คือ เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI จัดแถลงข่าวความคืบหน้าของการสอบสวนคดีที่เกิดจากความรุนแรงที่รัฐบาลกระทำต่อประชาชนในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคมที่ผ่านมา คุณแม่พะเยา อัคฮาด คุณแม่ของคุณกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามได้โทรมาชักชวนให้ผมไปร่วมฟังด้วยเผื่อจะมีอะไรปรึกษาหารือกันรวมทั้งครอบครัวญาติอีกหลายราย

 
(2)
ขณะที่ผมกำลังเดินทางจะถึง DSI ที่ศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ คุณแม่คุณเกดโทรมาบอกว่า DSI ได้ย้ายสถานที่แถลงข่าวไปที่ที่ทำการของกระทรงยุติธรรม(เดิม) ที่อาคาร Software Park แล้ว พวกเราเลยต้องดั้นด้นตามไปเพียงเพื่อจะพบว่าการแถลงข่าวได้เสร็จสิ้นลงโดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ สื่อมวลชนที่ลงมาจากห้องแถลงข่าวได้เล่าให้ฟังว่าสงสัยคงจะต้องการคลายความกดดัน จากการที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นมาวางดอกไม้เคารพศพนักข่าวชาวญี่ปุ่นบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทิ้งความงงงวยไว้ให้กับเหล่าครอบครัวผู้สูญเสียไว้เบื้องหลัง

วันเดียวกัน กลุ่มเครือญาติโดยมีคุณแม่คุณเกดเป็นแกนนำยังได้ชักชวนให้ไปติดตามความคืบหน้าการพิจารณาเงินช่วยเหลือของสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งหลายรายญาติมิตรได้ผ่านการทำบุญร้อยวันโดยไม่มีการชี้แจงความคืบหน้าของการพิจารณาแต่อย่างใด เมื่อไปถึงท่านผู้อำนวยการฯ ได้ตอบข้อซักถามของคุณแม่น้องเกดและท่านอื่นๆ ก่อนจะยืนยันว่าจะดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น

ท่านผู้อำนวยการฯ ยังได้ยกตัวอย่างความกรุณาของท่านในการให้ความช่วยเหลือผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บให้ฟังว่า

"มีคนหนึ่งหูหนวกแล้วก็พูดไม่ได้ มันจะเดินไปทำงานก็เดินตามคนอื่นๆที่ซอยรางน้ำจะไปขึ้นรถที่อนุสาวรีย์ฯ พอเริ่มมีการยิงกันคนอื่นก็วิ่ง ไอ้นี่ไม่รู้เรื่องไม่ได้ยินอะไร เห็นคนวิ่งก็วิ่งตาม แล้วคุณคิดดู คนเยอะแยะยิงโดนใครไม่โดนดันมาโดนไอ้หนวกนี่ แล้วโดนที่ไหนไม่โดนดันโดนไข่อีก ผมก็เลยอนุมัติเงินช่วยเหลือให้มันไป 15,000 บาท สงสารมันน่ะหูหนวกแล้วยังซวยอีก" แล้วท่านก็หัวเราะด้วยความสนุกสนาน เป็นอีกครั้งที่ผมได้ฝึกการข่มกลั้นพร้อมนึกถึงคำพระที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"

ล่าสุด และเป็นสาเหตุที่ผมคิดว่าคงต้องถ่ายทอดอะไรออกมาบ้างก่อนที่จะช้ำในตายโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ นั่นคือกรุงเทพมหานครได้ติดต่อให้ไปรับเงินช่วยเหลือเยียวยา ครั้งแรกผมยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าครอบครัวมีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดนนทบุรีและไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใดๆ กับทางกรุงเทพมหานคร แต่ปลายสายยืนยันว่าทางผู้ว่าการฯยินดีให้ความช่วยเหลือทุกคน โดยไม่แบ่งว่าเป็นคนจังหวัดไหน ผมจึงแจ้งชื่อยืนยัน

ผมและภรรยาไปถึงศาลาว่าการกรุงเทพมหานครค่อนข้างล่าเลยเวลานัดหมายพอสมควร แต่แถวของญาติที่กำลังลงทะเบียนก็ยาวมิใช่น้อย ขณะที่เรากำลังหันรีหันขวาง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้ามาถามและเมื่อทราบว่าเป็นครอบครัวผู้ เสียชีวิตจึงให้ไปรวมที่ห้องประชุมใหญ่เพื่อรอเรียก พอเราเข้าไปพบว่ากำลังมีการแถลงข่าว "มหกรรมสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน" เลยกำลังจะถอยออกมา แต่พบว่ามีกลุ่มญาติ 10 เมษาอยู่ในนั้นด้วย ตอนหลังเลยถึงบางอ้อ เมื่อพี่ๆ กลุ่มญาติ 10 เมษาฯ บอกว่ากรุงเทพมหานครให้มารอในห้องไปก่อน เพราะไม่มีที่รอด้านนอก หลังจากนั้นก็มีการแถลงข่าวมหกรรมสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน ท่ามกลางความงงงวยอีกครั้งของกลุ่มญาติว่าตัวเองมาผิดงานหรือเปล่า

 
(3)
พี่ผู้หญิงท่านหนึ่งซึ่งมาถึงก่อนเปรียบเปรยให้ฟังด้วยโทสะภายหลัง งานแถลงข่าวว่า "มันเอาหุ่นไทยมารำต่อหน้าต่อตาเรา เหมือนจะย้ำว่าพวกคุณมันก็แค่หุ่นเชิดนั่นแหละ" ถึงตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าเราโชคดีหรือเปล่าที่เดินทางมาถึงค่อนข้างล่าช้า

เวลาบ่ายโมง เมื่อเหล่าครอบครัวผู้เสียชีวิตประมาณ 102 รายจากกว่า 80 ครอบครัวลงทะเบียนครบแล้ว กรุงเทพมหานครก็พาเครือญาติทั้งหมดนั่งรถบัสสามคันพาไปที่ราชประสงค์ ทั้งที่ห้องประชุมใหญ่กรุงเทพมหานครก็ว่างไม่ได้ใช้งานแล้ว และถ้าจะจัดซ้อนกันก็น่าจะได้ เพราะช่วงเช้ายังให้กลุ่มญาตินั่งในงานแถลงข่าวได้เลย ผมคิดในใจว่ากรุงเทพมหานครอาจจะมี Gimmick อะไรมาให้ญาติรู้สึกดี หลังจากที่เคยเจ้ากี้เจ้าการหลอกประชาชนผู้บริสุทธิ์มาร่วมทำลายหลักฐานคดีสังหารหมู่ที่ราชประสงค์ชนิดที่ นางพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ไม่ออกมาโวยวายอะไรเลย จะบอกว่าเธอรู้เห็นเป็นใจในฐานะที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษผู้บังคับบัญชา เป็นกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะดูเธอมีบุคลิกลักษณะของคนที่ซื่อสัตย์ ถือคุณธรรมเป็นที่ตั้งออกอย่างนั้น

ขณะที่ผ่านวัดปทุมวนาราม "พี่นรี" ที่ลูกชายถูกทหารยิงเสียชีวิตก็พูดขึ้นมาว่า "ทำไมมันไม่จัดที่วัดปทุมฯ ไปเลยวะ ไปทำไมราชประสงค์" ทำเอาทั้งรถเงียบกันไปหมด เมื่อรถวิ่งไปถึง Urban Space ข้างนารายภัณฑ์ ฝั่งตรงข้าม Ground Zero ราชประสงค์ ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมพิธีมอบเงินถึงมีการตบแต่งสถานที่ออกมาได้หลากสี ขนาดนี้ หรือว่ากรุงเทพมหานครขอยืมสถานที่เขามาจัดงาน แต่เมื่อลงไปพบว่ากรุงเทพมหานครพาเรามาร่วมงานแถลงข่าว Bangkok Shopping Week และพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการชุมนุมทางการเมือง

เริ่มงานผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจารย์สุลักษณ์ ศิวลักษณ์ เคยให้สัมภาษณ์ทำนองว่า "ถ้าไม่มีปฏิวัติ 2475 คนนี้จะเป็นบุคคลที่สำคัญมากๆ" ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน Bangkok Shopping Week เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ประสบภัยจากการชุมนุมทางการเมืองได้มีที่จำหน่าย สินค้า โดยได้เงินบริจาคมาตั้งกองทุนช่วยเหลือในครั้งนี้ ซึ่งในรายชื่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธาอื่นๆ เช่น ASTV และมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ฯลฯ และถือโอกาสนี้มอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทุพพลภาพ ตามเกณฑ์พิจารณาที่กรุงเทพมหานครได้ตั้งไว้

สุดท้ายคุณโก้ ธีรศักดิ์ พันธุจริยา เจ้าของครีมหน้าเด้งซึ่งกิจการในห้าง Zen ถูกเผาได้รับความเสียหายและเหล่าเพื่อนดาราได้มอบช่อดอกไม้และกล่าวขอบคุณท่านผู้ว่าการฯ ที่ได้จัดงานนี้ขึ้นมา หลังจากนั้นพิธีกรจึงให้ญาติผู้เสียชีวิตเข้าแถวรอรับมอบเงินช่วยเหลือ ผมค่อนข้างจะเห็นใจท่านผู้ว่าการฯ ที่ขณะมอบเงินไปก็ต้องซับเหงื่อให้ตัวเองไปด้วย ท่านจะรู้หรือไม่ว่าห้องประชุมใหญ่แอร์เย็นๆ ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครไม่มีคนใช้

ภายหลังงาน ครอบครัวผู้สูญเสียต่างแยกย้ายกันไปเงียบๆ มีบางส่วนที่ต้องเดินทางกลับศาลาว่าการฯ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด หลายคนคงนึกไม่ถึงว่าจะถูกกระทำซ้ำเช่นนี้ และด้วยความเคารพ ผมว่าบางคนที่ไม่ทราบว่าคนที่เรารักจากไปด้วยความเจ็บปวดขนาดไหนคงเริ่มตระหนักเมื่อพิธีครั้งนี้สิ้นสุดลง

 
(จบ)
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้อ่านงานเขียนวิจารณ์อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ กรณีรับเป็นกรรมการปฏิรูปของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผมนึกถึงคำภาษาอังกฤษที่อาจารย์สมศักดิ์ใช้และหาคำแปลที่ลงตัวในภาษาไทยไม่ได้ นั่นคือคำว่า decency เมื่อมาประสบเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดตอกย้ำซ้ำเติม ผมรู้สึกได้ถึงความหมายและสัมผัสของคำๆ นี้ แต่ก็ยังนึกถึงคำแปลไม่ออกอยู่ดี แต่ที่แน่ใจ นั่นคือสิ่งที่อาจารย์สมศักดิ์เรียกว่า "ความจริงใจ" ที่มีอยู่ในตัวตนของกรุงเทพมหานครและท่านผู้ว่าการฯ ที่ดูจะไม่แตกต่างจากปัญญาชนบริการทั้งหลายเท่าไรนัก

ในฐานะที่เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่งในจำนวนครอบครัวผู้เสียชีวิต ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่รัฐบาลกระทำต่อประชาชนและทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่เครือญาติเริ่มหาทางรวมตัวเพื่อทวงถามความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่อาคารบ้านเรือนถูกทำลายเสียหาย แน่นอนว่าระหว่างทางแห่งการค้นหาความจริงนี้ พวกเราคงต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่คงกรีดลึกลงไปในแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ผมหวังว่าสักวันความเจ็บปวดนี้อาจจะมีประโยชน์สำหรับพวกเราประชาชนธรรมดาทุกคน

หมายเหตุ Bangkok Shopping Week จะเริ่มกิจกรรมช็อปกระหน่ำในวันเสาร์ที่ 18 กันยายน ยาวจนถึงวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคมนี้ ที่ Urban Space ราชประสงค์ ถ้าว่างก็แวะไปจับจ่ายใช้สอยหน่อยครับ


--------------------------------
* ชื่อบทความนำมาจากชื่อภาพยนตร์ "Someday This Pain Will Be Useful to You" อ่านรายละเอียดได้ในนิตยสาร Bioscope ฉบับที่ 106 กันยายน 2553 ปก "อินทรีแดง" เดือด! หน้า 11

‘นิว แมนดาลา’ ปล่อยตอน 2: 'ศาสนา' กับสามจังหวัดชายแดนใต้

'นิว แมนดาลา' ปล่อยตอน 2: 'ศาสนา' กับสามจังหวัดชายแดนใต้

เว็บไซต์นิวแมนดาลา ซึ่งเป็นเว็บไซต์อภิปรายเรื่องสังคม การเมือง วัฒนธรรมในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย เปิดตัววีดีโอซีรีส์ชุดใหม่ในหัวข้อ 'ชาติ ศาสน์ กษัตริย์' เปิดพื้นที่พูดคุยในประเด็นสามเสาหลักของประเทศไทย ผ่านมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยมีผู้ร่วมสนทนาเป็นนักวิชาการแถวหน้าทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิเช่น ผาสุก พงษ์ไพจิตร, คริส เบเกอร์, แอนดรูว์ วอล์กเกอร์, เดส บอล, ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์

ในตอนที่สองของซีรีส์ชุดนี้ มีวิทยากรรับเชิญ อาทิ ศาสตราจารย์เดส บอลล์ จากศูนย์ยุทธศาสตร์และความมั่นคงศึกษา มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ดวงยิหวา อุตรสินธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และอันเดอรส์ เองวัลล์ จากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งสต็อกโฮล์ม โดยมุ่งอภิปรายปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังดำเนินอยู่อย่างยืดเยื้อ ผ่านมิติทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง

ตอนที่ 2 ของซีรีส์ "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์"

(ผู้ชมสามารถเลือกคลิก 'cc' เพื่อเปิดคำบรรยายภาษาไทย)

นิโคลัส ฟาร์เรลลี นักวิจัยประจำวิทยาลัยเอเชียแปซิฟิก มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย และหนึ่งในผู้ก่อตั้งเว็บไซต์นิวแมนดาลา ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุผลที่ผู้จัดทำเลือกที่จะหยิบเอาประเด็นสามจังหวัดภาคใต้มาอภิปรายในหัวข้อ 'ศาสนา' เพราะเขาเห็นว่าปัญหานี้เป็นความท้าทายหลักทางศาสนาและวัฒนธรรมที่รัฐบาลไทยทุกสมัยต้องเผชิญและจัดการ ดังจะเห็นจากในรอบสิบปีที่ผ่านมา มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงแล้วกว่า 4,000 คน รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบและบอบช้ำอีกนับไม่ถ้วน

"พื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จึงเปรียบเป็นเหมือนแผลลึกของชาติไทย ซึ่งเปราะบางต่อการถูกใช้ประโยชน์จากกลุ่มที่มีวาระคุลมเครือ" ฟาร์เรลลี่กล่าว เขาเสริมด้วยว่าปัญหานี้ ยังอยู่ในความสนใจของแวดวงนักวิชาการ ไม่เพียงแต่ในออสเตรเลียเท่านั้น แต่ยังเป็นที่สนใจของนักวิชาการทั่วโลกด้วย เนื่องจากเป็นความสนใจสากลในประเด็นการก่อการร้ายและลัทธิสุดโต่งที่มาในทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ เขาชี้ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว มีลักษณะที่น่าสนใจ คือมีลักษณะเป็นสงครามกลางเมืองที่มีผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มอาชญากรรมทางการเมือง มีการฆ่าแบบอุกอาจ ซึ่งมีที่มาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจด้วยส่วนหนึ่ง

ดวงยิหวา อุตรสินธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี หนึ่งในวิทยากรของซีรีส์ตอนนี้ กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ทำงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และได้สัมผัสกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน นักการเมือง กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และเจ้าหน้าที่รัฐ เธอเสนอว่า รัฐบาลควรหันมาให้ความสนใจกับปัญหานี้จริงจัง โดยมุ่งการปฏิรูปโครงสร้างทางการปกครอง เปิดเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ และเห็นปัญหาของการใช้กฎหมายพิเศษในสามจังหวัด

"นี่เป็นปัญหาที่น่ากังวลมากที่สุด แต่มันกลับเป็นเรื่องที่ไม่ว่ารัฐบาลไหนๆ ก็ไม่อยากจะแตะ ถ้าหากรัฐบาลไหนมีความกล้าหาญพอที่จะจัดการกับข้อเสนอดังกล่าวได้ มันอาจจะแก้ปัญหาทางศาสนา เชื้อชาติ และความคับแค้นให้บรรเทาลงได้" ดวงยิหวากล่าวในเว็บไซต์นิวแมนดาลา

ฟาร์เรลลี่กล่าวส่งท้ายว่า เช่นเดียวกับการอภิปรายในตอนอื่นๆ นักวิชาการเหล่านี้ จะให้มุมมองที่อิสระและตรงไปตรงมาต่อประเด็นดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้อ่านสามารถนำไปขบคิดต่อ และเป็นรากฐานในการอภิปรายในเรื่องต่อไปที่ว่าด้วย "กษัตริย์" ซึ่งเป็นตอนที่สามของซีรีส์ชุดนี้ด้วย